เอกลักษณ์แฟชั่น แต่งตัวมันส์สุดอมตะ Vintage Style
หากพูดถึงสไตล์การแต่งตัวที่เป็นเอกลักษณ์
ใส่ได้เกือบจะทุกยุคทุกสมัย และยังเป็นที่นิยมเกือบทุกทวีป
คงหนีไม่พ้นการแต่งตัวแนววินเทจ หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักคำว่าวินเทจ
การแต่งตัวแนววินเทจ คือการแต่งตัวตามในแบบยุค 50, 60, 70 พูดง่าย
ๆ ก็คือแต่งตัวสไตล์ย้อยยุค และเป็นเสื้อผ้าที่พิถีพิถันในการตัด-เย็บอย่างมาก
เช่นเสื้อผ้าลูกไม้ ปักเลื่อม เพ้นท์ลาย ที่สำคัญมีแค่ชิ้นเดียว
เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่เสื้อผ้า
ข้าวของ เครื่องประดับที่เราเห็นที่เค้าบอกว่าสไตล์วินเทจ มักจะเป็น "เฟควินเทจ" หรือจะพูดง่าย ๆ
ก็คือทำแพทเทรินสไตล์เก่า แต่ผ้าใหม่เท่านั้นเอง ไม่ว่า จะเป็น
"วินเทจ" หรือ "เฟควินเทจ" ก็มีเสน่ห์ไปคนละแบบเหมือนกัน แต่อย่างนึงที่มีเหมือนกันคือ
"ความเรียบง่าย" ที่ดูทีไรก็ไม่เบื่อซักที แถมแฟชั่นนี้ยังตอบรับกระแสอนุรักษ์ทรัพยากรโลกด้วย(ก็เราไม่ต้องซื้อใหม่ไง คะ เอาของคุณยายคุณแม่มาใช้บ้าง ของเพื่อนบ้าง
เห็นไหมละค่ะ ไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่ แล้วยังไม่ต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาตในการผลิตเสื้อผ้าอีกด้วย) นอกจากนี้เรายังสามารถส่วมใส่ได้หลายโอกาส
ไม่ว่าจะเป็นในวันธรรมดา หรือวันที่เราต้องออกงานในโอกาสพิเศษ
ส่วนเรื่องเครื่องประดับที่จะ มามิกซ์แอนด์แมตช์กับเสื้อผ้าสไตล์วินเทจ ก็จะเป็นพวกเครื่องประดับทองเหลืองทั้งหลายซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีทั้งที่เป็นทอง เหลืองแท้ ๆ (ซึ่งก็จะมีราคาสูงซักหน่อย) และที่เป็นทองเหลืองที่ชุบขึ้นมาใหม่ และกระเป๋าก็สไตล์กระเป๋าหนังทั้งแบบสะพายเฉียงและสะพายข้าง ในวันธรรมดา สาว ๆ อาจจะเลือกใส่เชิ้ตตัวโคร่ง พับแขน คู่กับยีนส์ขาเดฟหรือเลกกิ้ง แล้วก็คาดเข็มขัด หรือคอร์เซ็ต ซักเส้นทับเสื้อเชิ้ต และเพิ่มความโมเดิร์นแบบเท่ห์ ๆ ด้วยแว่นเรย์แบรนกับรองเท้าผ้าใบหรือคัชชูหนังส้นเตี้ย แค่นี้ก็ออกไปข้างนอกได้แบบชิลล์ ๆ แล้ว
ส่วนเรื่องเครื่องประดับที่จะ มามิกซ์แอนด์แมตช์กับเสื้อผ้าสไตล์วินเทจ ก็จะเป็นพวกเครื่องประดับทองเหลืองทั้งหลายซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีทั้งที่เป็นทอง เหลืองแท้ ๆ (ซึ่งก็จะมีราคาสูงซักหน่อย) และที่เป็นทองเหลืองที่ชุบขึ้นมาใหม่ และกระเป๋าก็สไตล์กระเป๋าหนังทั้งแบบสะพายเฉียงและสะพายข้าง ในวันธรรมดา สาว ๆ อาจจะเลือกใส่เชิ้ตตัวโคร่ง พับแขน คู่กับยีนส์ขาเดฟหรือเลกกิ้ง แล้วก็คาดเข็มขัด หรือคอร์เซ็ต ซักเส้นทับเสื้อเชิ้ต และเพิ่มความโมเดิร์นแบบเท่ห์ ๆ ด้วยแว่นเรย์แบรนกับรองเท้าผ้าใบหรือคัชชูหนังส้นเตี้ย แค่นี้ก็ออกไปข้างนอกได้แบบชิลล์ ๆ แล้ว
และเมื่อเราจะต้องออกงาน เราก็สามารถเลือกใส่เดรส(จะเป็นเดรสยาวหรือสั้นก็ได้)ทรงเอก็สวยดีแต่ถ้าสาว คนไหนไม่ค่อยมั่นใจกับเดรสทรงเอ
ลองใช้เข็มขัดเส้นเล็กๆ มาช่วยเน้นส่วน ให้ดูมีส่วนเว้าโค้งก็ได้ค่ะ
หรือจะเลือกใส่กระโปรงเองสูงหรือกางเอง คู่กับเชิ้ตแขนยาวเข้ารูปก็ได้นะคะ
เดี๋ยวนี้เค้ามีเสื้อเชิ้ตแบบเก๋ ๆ มีลูกเล่นที่คอเสื้อแปลก ๆ
ให้เราเลือกมากมายเลยล่ะค่ะ เลือกใส่รองเท้าส้นสูง(จะเป็นส้นตันหรือส้นเข็ม)จะเหมาะมาก เสื้อผ้าสไตล์นี้น่ะบางครั้งเราไม่ต้องเสียเงินซื้อก็ได้ค่ะ ลองไปเปิดตู้เสื้อผ้าคุณแม่ดู
เราอาจจะได้เจอเสื้อผ้าเก๋ ๆ เยอะแยะเลยก็ได้ เห็นไหมล่ะสวยเก๋
ประหยัด แล้วยังอินเทรนด์ได้อีก
ใครที่อยากจะแต่งตัวแนววินเทจ ไม่ยาก! แค่ลองไปรื้อตู้เสื้อผ้าหาเสื้อผ้าสมัยคุณแม่
คุณป้า ไปจนถึงคุณยายของเราเคยใส่กันเมื่อครั้งสาว ๆ ก็สามารถเป็นวินเทจได้แล้ว แต่อ๊ะ! คงต้องระวังกันซักนิดในการที่จะแต่งตัวแนววินเทจอย่างไรไม่ให้เป็นป้า ไม่ยาก ๆ
เพียงแค่หยิบบางชิ้นมาเท่านั้น แล้วเอามาใส่มิกแอนด์แมท กับเสื้อผ้าในสมัยปัจจุบันของเรา
เช่นใส่กับกางเกงยีนส์ กางเกงผ้า กางเกงเอวสูง หรือแม้แต่กระโปรงทรงต่าง ๆ
ก็แนวไม่ใช่เล่น แต่เดี๋ยวก่อน
สำหรับคนที่หาสื้อผ้ารุ่นแม่ไม่ได้ แต่อยากวินเทจ ก็พอจะมีทางแก้ ง่าย ๆ
เลยไปหาซื้อพวกเสื้อมือสอง (แต่คงต้องเลือกกันอย่างดีซักนิดนึง) แต่ที่ง่ายและสะดวกสบายยิ่งกว่านั้นคือ ตามร้านเสื้อผ้าที่ขายตามตลาดนัดทั่วไป
หรือแม่แต่แบรนด์ชั้นนำ ก็มีการทำเสื้อผ้าแนววินเทจแบบสำเร็จรูปออกมาขายกันทั่ว (แต่อาจจะซ้ำกับคนอื่นได้)
แบบนี้ก็สามารถช่วยให้คนที่อยากแต่งตัวแนววินเทจ แต่หาเสื้อผ้าเก่าๆของแท้มาใส่ไม่ได้ มีเทคนิคนิดหน่อยสำหรับคนที่ซื้อเสื้อผ้าแนววินเทจแบบสำเร็จรูปนั้น ถ้าต้องการจะแตกต่างก็ควรจะมีอุปกรณ์เสริมกันอย่างเช่นกระเป๋า(แบบเก่า
ๆ)
สร้อย, แหวน, นาฬิกา
ขอเป็นพวกเครื่องทองเหลือง และเงิน เข็มขัดไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ได้หมด
แต่แนะนำให้เป็นแบบสานหรือแบบหนัง หรือแม้แต่กระทั่งรองเท้า ไม่ว่าจะเป็นพวกรองเท้าหนัง ไปจนถึงผ้าใบก็ย่อมได้
ส่วนสุดท้ายถือว่าเป็นส่วนที่ค่อนข้างสำคัญ
บางคนใช้เวลาแต่งตัวซะนาน แต่พอถึงเวลาที่จะออกนอกบ้านกลับไม่มั่นใจซะอย่างนั้น เมื่อตัดสินใจใส่แล้วเราก็ต้องมีความมั่นใจเต็มร้อย ก้าวเดินออกจากบ้านอย่างมั่นใจ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะดูดีขึ้นมาทันทีเลยล่ะขอบอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น